ความรู้เรื่องกล่อง

สีผิวกล่อง

เกรด KS ผิวพรีเมี่ยมเกรดสีขาว

กระดาษทำจากเยื่อบริสุทธิ์ฟอกขาวคุณภาพสูง มีความเรียบ สะอาด เหมาะสำหรับกล่องที่เน้นความสวยงามและช่วยให้การพิมพ์ที่มีสีสันชัดเจน เหมาะกับการพิมพ์งาน 4 สี ทำให้ดูโดดเด่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์ และเพิ่มคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภายใน สามารถรับแรงกระแทกและการเรียงช้อนกันได้ดี มีความแข็งแรงสูง สามารถทนความชื้นได้ดี สามารถปกป้องผลิตภัณฑ์ได้ดี โดยมีความหนา 140, 170 แกรม

เกรด KA ผิวพรีเมี่ยมเกรดสีเหลืองทอง

เป็นกระดาษเกรดพรีเมี่ยม กระดาษมีความแข็งมีแรงทนทาน ทนความชื้นได้ดี รองรับน้ำหนักได้ดีสามารถรับแรงกระแทกและการเรียงซ้อนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการทำบรรจุภัณฑ์ที่ต้องรับน้ำหนักมาก ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น อุตสาหกรรมแช่แข็ง เครื่องใช้ไฟฟ้า อะไหล่ยนต์ อาหารกระป๋อง กล่องเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังนิยมใช้ในการบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก โดยมีความหนา 125, 150, 185, 230 แกรม

เกรด KH ผิวสีน้ำตาลอมเหลือง

มีผิวเรียบสะอาด มีความแข็งแกร่งสูงมาก สามารถรับแรงระแทกและการเรียงซ้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก โดยมีความหนา 125,150, 175, 200, 250 แกรม

เกรด KI ผิวสีน้ำตาลอ่อน

เป็นกระดาษทำจากเยื่อใหม่ไม่ใส่สีย้อมในกระบวนการผลิต มีความแข็งแกร่ง รับแรงกระแทกและการเรียงซ้อนได้ดี เหมาะกับงานพิมพ์ภาพหรือตัวหนังสือให้มีสีสวยงาม นิยมใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมาก เหมาะกับกล่องผลิตภัณฑ์ทั่วไป เช่น กล่องอาหารสำเร็จรูป กล่องใส่อาหารกระป๋อง กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือกล่องที่มีการพิมพ์สีโดยมีความหนา 125, 150, 185 แกรม

เกรด KL ผิวสีน้ำตาลใกล้เคียงกับ KI

มีความแข็งแรงมากกันความชื้นได้ดี สามารถรับแรงกระแทกและการเรียงซ้อนได้ดีเหมาะสำหรับการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ประเภทอะไหล่ อุปกรณ์รถยนต์ ที่ต้องรับน้ำหนักมาก โดยมีความหนา 125, 150, 175, 205, 250 แกรม

เกรด KT ผิวสีน้ำตาล

ผลิตจากเยื่อเศษกระดาษ (Recycled) เพื่อส่งเสริมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแต่ยังคงความสวยงามและความแข็งแกร่ง มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการวางเรียงซ้อน เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ส่งออกที่ระบุให้ใช้กล่องที่ทำจากเยื่อเศษกระดาษทั้งหมด บรรจุภัณฑ์ที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เน้นสีของความเป็นธรรมชาติ โดยมีความหนา 125, 150, 175, 200 , 200, 250 แกรม

เกรด KP ผิวสีน้ำตาล โทนสีคล้ายกับกระดาษต่างประเทศ

กระดาษทำจากเยื่อใยยาวทำให้กระดาษมีความแข็งแกร่งสูง สามารถรับแรงกระแทกและการเรียงซ้อนได้ดี มีโทนสีใกล้เคียงกับกระดาษมาตรฐานในต่างประเทศเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากลเหมาะสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกหรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักมาก โดยมีความหนา 125, 150, 175, 250, 275 แกรม

เกรด CA น้ำตาลเทาเข้ม

กระดาษสำหรับทำลอนลูกฟูกคุณภาพสูงขนาดต่างๆ มีความแข็งแรงในการป้องกันการกระแทก มีส่วนประกอบของเยื่อกึ่งเคมี ทำให้มีความแข็งแรง เรียงซ้อนได้ดี โดยมีความหนา 90,105,115,125, 150, 185, 250, แกรม

รูปแบบการผลิต

กล่องแบบติดกาว

เหมาะกับกล่องที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก นิยมใช้กับกล่องที่ต้องการความความสวยงาม

กล่องแบบเย็บลวด

เหมาะกับกล่องที่ต้องการความแข็งแรงสูง นิยมใช้กับกล่องที่มีขนาดใหญ่หรือกล่องที่ต้องบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักมาก

วิธีวัดขนาดกล่อง

ความหนาของกระดาษจะมาเป็นปัจจัยในการวัดขนาดภายในกล่อง เพราะความหนากระดาษต้องกินพื้นที่ภายในกล่องโดยใช้ค่า (กว้างxยาวxสูง)

ขนาด(มิติ)ภายนอก

วัดจากกล่องภายนอกที่มีการขึ้นรูปและปิดฝากล่อง

ขนาด(มิติ)ภายใน

วัดจากสินค้าโดยตรงหรือกล่องภายใน

แผ่นกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น
ลอน E หนา 1.5 mm.

แผ่นกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น
ลอน B หนา 2 mm.

แผ่นกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น
ลอน C หนา 3 mm.

แผ่นกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น
ลอน BC หนา 6 mm.

แผ่นกระดาษลูกฟูก

ลอนลูกฟูกมีหลายชนิดโดยลอนแต่ละชนิดจะมีขนาดและความหนาของลอนไม่เท่ากัน ลอนลูกฟูกที่มีขนาดใหญ่กว่าจะมีความแข็งแรงสูงกว่าลอนลูกฟูกขนาดเล็กและสามารถรองรับแรงกระแทกได้มากกว่า ซึ่งลอนลูกฟูกขนาดเล็กกว่าจะพับขึ้นรูปได้ง่ายกว่า ได้มุมที่ความเฉียบคมกว่ารวมทั้งสามารถพิมพ์บนกล่องได้ความสวยงามมากกว่า แผ่นกระดาษลูกฟูกหนึ่งแผ่นอาจประกอบด้วยลอนลูกฟูกหลายชนิดผสมกันก็ได้ เพื่อให้ได้งานพิมพ์ที่สวยงามและมีความแข็งแรงมากขึ้น ทั้งการรับแรงกด แรงกระแทกต่าง ๆ และขนาดความหนาของแผ่นกระดาษลูกฟูก

คุณสมบัติ

เหมาะสำหรับใช้วางของหนักและป้องกันไม่ให้สิ่งของที่แบนราบ โค้งงอ
เหมาะสำหรับสร้างเลเยอร์บนแผ่นกันลื่นหรือภายในบรรจุภัณฑ์
ใช้วางและแยกชั้นของผลิตภัณฑ์เพื่อป้องการลื่นไถล
ให้ความแข็งแรงเป็นพิเศษในการแยกชั้นผลิตภัณฑ์บนรางหรือในกล่อง
รองรับงานหนักได้เป็นอย่างดี ใช้วางระหว่างชั้นของเครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสินค้าที่มีน้ำหนักมากๆ
มีน้ำหนักเบาและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ